ข้อโต้แย้งที่ 1: ตู้ถ่ายรูปย้อนยุคเป็นการลงทุนที่ยั่งยืนและให้ผลตอบแทนสูง (ฝ่ายสนับสนุนความคิดถึงอดีต)
ความคิดถึงคือจุดขายที่ไม่มีวันล้าสมัย ความคิดถึงไม่ใช่กระแสที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป—แต่มันเป็นแรงขับเคลื่อนทางจิตวิทยาที่อยู่เหนือกาลเวลา โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลและเจนซี ต่างหลงใหลในประสบการณ์ย้อนยุคที่แตกต่างจากชีวิตดิจิทัลที่เชื่อมต่อกันอย่างมาก ผลลัพธ์ที่จับต้องได้จากตู้ถ่ายรูป—ภาพถ่ายแบบมีสติกเกอร์ที่สามารถเก็บสะสม มอบเป็นของขวัญ หรือนำไปจัดแสดงได้—ให้ความรู้สึกถาวรที่ภาพถ่ายดิจิทัลไม่มี ธุรกิจต่างๆ รายงานว่าตู้ถ่ายรูปช่วยดึงดูดลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยสถานที่ที่มีตู้ถ่ายรูปจะเห็นเวลาที่ลูกค้าใช้ในร้านเพิ่มขึ้น 20-30% และมีการพูดถึงในโซเชียลมีเดียมากขึ้นด้วย
ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ กำไรสูง ตู้ถ่ายรูปสไตล์เรโทรสมัยใหม่ แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ ที่เทอะทะและต้องใช้ฟิล์ม ถูกออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพการใช้งาน หลายรุ่น (รวมถึงรุ่นที่ผลิตโดย Amuseko China) ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัล ลดการพึ่งพาฟิล์มราคาแพงและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ด้วยตัวเลือกการสร้างแบรนด์ที่ปรับแต่งได้ ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างรายได้จากตู้ถ่ายรูปผ่านการสนับสนุน ขณะที่รุ่นแบบจ่ายตามการใช้งานสร้างรายได้แบบต่อเนื่อง สำหรับผู้จัดงานและเจ้าของร้านค้าปลีก ตู้ถ่ายรูปมักจะคืนทุนภายใน 3-6 เดือนหลังการติดตั้ง
ความอเนกประสงค์ในหลากหลายอุตสาหกรรม ตู้ถ่ายรูปไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสวนสนุกเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปใช้ในงานแต่งงาน งานอีเวนต์ของบริษัท และงานเปิดตัวแบรนด์ โดยทำหน้าที่ทั้งเป็นความบันเทิงและเครื่องมือทางการตลาด อุปกรณ์ประกอบฉาก ฉากหลัง และการออกแบบภาพพิมพ์ที่ปรับแต่งได้ ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับแต่งประสบการณ์การถ่ายรูปให้เข้ากับแบรนด์ของตนเอง เปลี่ยนผู้ใช้ให้กลายเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เมื่อพวกเขาแชร์ภาพถ่ายบนโซเชียลมีเดีย
ข้อโต้แย้งที่ 2: ตู้ถ่ายรูปย้อนยุคเป็นเพียงกระแสที่มาแล้วก็ไป (ฝ่ายที่ตั้งข้อสงสัย)
ต้นทุนที่สูงขึ้นและความท้าทายในห่วงโซ่อุปทาน แม้จะมีความก้าวหน้าทางดิจิทัล แต่ต้นทุนของกระดาษและหมึกพิมพ์คุณภาพสูงยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กำไรของธุรกิจขนาดเล็กถูกบีบให้ลดลง การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกยังนำไปสู่ความล่าช้าในการเปลี่ยนชิ้นส่วน ส่งผลให้ผู้ประกอบการบูธถ่ายภาพต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในช่วงเวลาหยุดทำงาน ผู้ที่มองในแง่ลบโต้แย้งว่าอุปสรรคในการดำเนินงานเหล่านี้จะขัดขวางนักลงทุนรายใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ "บูธถ่ายภาพของเล่น" ราคาถูกและคุณภาพต่ำทะลักเข้าสู่ตลาด ทำให้คุณค่าของอุปกรณ์ระดับพรีเมียมและระดับมืออาชีพลดลง
ทางเลือกดิจิทัลนั้นฟรีและสะดวกกว่า สมาร์ทโฟน ฟิลเตอร์ในโซเชียลมีเดีย และแอปแชร์รูปภาพฟรี มอบทางเลือกที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภคแทนการใช้ตู้ถ่ายรูป ทำไมต้องจ่าย 5-10 ดอลลาร์สำหรับรูปถ่ายเป็นแถบ ในเมื่อคุณสามารถถ่ายเซลฟี่ แต่งรูปด้วยฟิลเตอร์สไตล์วินเทจ และแชร์ออนไลน์ได้ทันที? นักวิจารณ์ชี้ให้เห็นว่า ตู้ถ่ายรูปดึงดูดกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม—ผู้ที่ยินดีจ่ายเงินเพื่อความรู้สึกคิดถึงอดีต—และกลุ่มนี้จะหดตัวลงเมื่อคนรุ่นใหม่หันไปสนใจ "เทรนด์ย้อนยุค" ใหม่ๆ
ความเสี่ยงจากความเบื่อหน่ายต่อลูกเล่น กระแสในอุตสาหกรรมบันเทิงนั้นขึ้นชื่อว่าอยู่ได้ไม่นาน เช่นเดียวกับของเล่นคลายเครียดและร้านขายสไลม์ที่เสื่อมความนิยมไป นักวิจารณ์เตือนว่าผู้บริโภคจะเบื่อหน่ายกับกระแสตู้ถ่ายรูปย้อนยุคในไม่ช้า สถานที่จัดงานที่ลงทุนกับตู้ถ่ายรูปจำนวนมากมีความเสี่ยงที่จะเหลืออุปกรณ์ที่ล้าสมัยซึ่งไม่ดึงดูดลูกค้าอีกต่อไป ส่งผลให้สูญเสียเงินทุนและเกิดปัญหาเรื่องพื้นที่จัดเก็บ
กรณีศึกษา: เมื่อความโหยหาอดีตชนะ (และเมื่อมันไม่ชนะ)
เพื่อแสดงให้เห็นถึงข้อโต้แย้ง ลองพิจารณาตัวอย่างในโลกแห่งความเป็นจริงสองตัวอย่าง:
- เรื่องราวความสำเร็จ : ห้างสรรพสินค้าบูติกแห่งหนึ่งในลอสแอนเจลิสติดตั้งตู้ถ่ายรูปย้อนยุค Amuseko จำนวน 3 ตู้ในปี 2023 โดยนำเสนอภาพถ่ายแบบแถบที่ออกแบบเฉพาะสำหรับห้างฯ และร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ในท้องถิ่นเพื่อโปรโมตตู้ถ่ายรูป ส่งผลให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาในห้างฯ ในช่วงสุดสัปดาห์เพิ่มขึ้น 25% และการมีส่วนร่วมในโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น 40% ตู้ถ่ายรูปเหล่านี้สร้างรายได้ 1,200–1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ซึ่งคืนทุนได้ภายใน 4 เดือน
- เรื่องราวความล้มเหลว : สวนสนุกขนาดเล็กแห่งหนึ่งในแถบมิดเวสต์ลงทุนซื้อตู้ถ่ายรูปราคาถูกยี่ห้อที่ไม่เป็นที่รู้จักในปี 2022 ตู้ถ่ายรูปเหล่านั้นประสบปัญหาเรื่องกระดาษติดและชำรุดบ่อยครั้ง ทำให้ต้องซ่อมแซมอยู่ตลอด ส่งผลให้ลูกค้าร้องเรียน ภายในหนึ่งปี สวนสนุกจึงถอดตู้ถ่ายรูปออก โดยอ้างว่า "ผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำ" และ "ความสนใจของลูกค้าลดลง"
ความแตกต่างที่สำคัญคืออะไร? คุณภาพและกลยุทธ์ ห้างสรรพสินค้าที่ประสบความสำเร็จลงทุนในอุปกรณ์ที่ทนทานและปรับแต่งได้ และใช้ความรู้สึกคิดถึงอดีตเป็นส่วนหนึ่งของแผนการตลาดที่กว้างขึ้น ในขณะที่สวนสาธารณะที่ล้มเหลวเลือกใช้บูธราคาถูกและทั่วไปโดยไม่มีจุดเด่นที่ชัดเจน
บทสรุป
การถกเถียงเรื่องตู้ถ่ายรูปย้อนยุคสรุปได้เป็นคำถามหลักข้อเดียวคือ กระแสนี้เกิดจากความต้องการประสบการณ์แบบอนาล็อกอย่างแท้จริงและยั่งยืน หรือเป็นเพียงกระแสชั่วคราว? คำตอบนั้น เช่นเดียวกับข้อถกเถียงส่วนใหญ่ อยู่ตรงกลางระหว่างสองสิ่งนี้ ตู้ถ่ายรูปย้อนยุคไม่ใช่การลงทุนที่ได้ผลดีกับทุกสถานการณ์ ความสำเร็จขึ้นอยู่กับ คุณภาพของอุปกรณ์ การตลาดเชิงกลยุทธ์ และกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับธุรกิจที่ลงทุนในบูธคุณภาพสูงที่ดูแลรักษาง่าย และใช้ประโยชน์จากความรู้สึกคิดถึงอดีตเพื่อสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ครบวงจร บูธถ่ายรูปสามารถเป็นส่วนเสริมที่ทำกำไรและยั่งยืนให้กับบริการของพวกเขาได้ แต่สำหรับธุรกิจที่ลดต้นทุนหรือตามกระแสโดยไม่มีแผนการที่ดี ความเสี่ยงที่จะล้มเหลวนั้นสูงมาก
ในขณะที่อุตสาหกรรมอุปกรณ์สวนสนุกพัฒนาไปเรื่อย ๆ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ ความคิดถึงอดีตจะยังคงมีที่ยืนในวัฒนธรรมผู้บริโภคเสมอ แต่ก็ต่อเมื่อผสานเข้ากับนวัตกรรมและการใช้งานได้จริงเท่านั้น